9.03.2553

วัันนี้มาชวนกินขนมไทยค่ะ

        พอพูดถึงขนมไทย ทุกคนก็จะนึกถึงทองหยิบ ทองหยอด หรือฝอยทองเลยใช่ไหมคะ เราคุ้นเคยกับขนมไทยเเบบนั้นเพราะเป็นขนมมงคลไงคะ เเต่ขนมที่ขวัญจะมาชวนกินในวันนี้ มันเบสิคกว่านั้นค่ะ มันจะทำให้เรานึกถึงอาหารถาดสมัยโรงเรียนประถม มัธยม ก็ประเภทเเกงบวดต่างๆ หรือถั่วเขียวต้มน้ำตาลไงคะ
        จำได้่ว่าตอนเด็กเเม่จะทำขนมเเบบนี้บ่อย ก็ลูกแม่เยอะ เงินเดือนเเม่น้อย แฮ่ะๆ แถมลูกแต่ละคนก็ท้องยุ้งพุงกระสอบ จะกินอะไรต้องกินให้อิ่ม ห้ามอีกคนได้กินมากกว่า เป็นพี่น้องที่ขี้อิจฉากันจริงๆ (เอาเป็นว่าเลิกนินทาพี่น้องดีกว่านะคะ เดี๋ยวพวกเจ้าประคุณจะมารุมขวัญเอา)
        แม้ว่าจะเป็นขนมเบๆ เเต่มันก็ต้องมีกิมมิคกันนิดๆหน่อยๆค่ะ เพราะขนมที่ขวัญจะเเนะนำนี่ต้องใช้วัตถุดิบที่สั่งมาโดยเฉพาะ เรียกว่าไม่ได้หากินกันง่ายๆนะคะ นั่นก็คือ (เเถ่นเเท๊น กรุณาทำเสียงดนตรีประกอบนะคะ จะได้ดูอลังการนิดนึง) มะพร้าวกระทิเชื่อมนำ้ตาลค่ะ
       วิธีทำก็แสนง่าย เเค่เอามะพร้าวกระทิที่เป็นพันธุ์เฉพาะทางภาคใต้ ที่เขาเอาไว้ขูดโรยหน้าขนมโคไงคะ (มีเสียงตอบมาว่า ขนมโคคืออะไรคะ เอาเถอะค่ะ วันหนึ่งขวัญคงโชคดีหาขนมโคมาให้ดูกันได้)ที่เขาต้องสั่งตรงมาจากสวนที่สุราษฎร์ธานีเท่านั้น มากระเทาะกะลาออก เจียนเนื้อให้ขาวสวย ชิ้นพอคำ เเล้วก็จะนำมาเชื่อมกับนำ้ตาลในกระทะทองเหลือง ตั้งเตาให้ไฟรุมๆ นำ้ตาลที่เชื่อมท่วมชิ้นมะพร้าวไปเรื่อยๆ ไม่นานค่ะ เเค่ 2 ชั่วโมงเราก็จะได้ทาน รสชาติก็จะนุ่มลิ้นมาก มะพร้าวไม่เเข็งไม่ยุ่ย ราดน้ำกะทิเพิ่ม ทุ่มน้ำเเข็งใส่หน่อย เราจะได้ของหวานเย็นๆ หอม หวาน มันเเละอร่อยสุดๆไปเลยค่ะ
      ฮะเเฮ่ม ส่งสายตาค้อนกันมาควับๆเชียว ถ้ามันเตรียมของได้ยาก เเละใช้เวลานานนักล่ะก็ ขวัญก็มีวิธีลัดค่ะ ก็ซื้อเขากินไง ขวัญก็ซื้อกินเหมือนกัน แฮ่ะๆ ไปที่ร้านก.เกี๊ยวกุ้ง ซอยเเจ้งวัฒนะ 14 ร้านนี้มีทั้งบะหมี่ ผัดไทย เเละที่ดังมากๆของเขาก็ขนมหวานไงคะ  ซอยเเจ้งวัฒนะ 14 ก็คือซอยบิ๊กซีค่ะ ตรงเข้าไปประมาณเกือบหนึ่งกิโลเมตร ร้านจะอยู่ซ้ายมือ จอดรถข้างถนนนะคะ
     คราวหน้าถ้าไปเจออะไรอร่อยๆอีกจะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ

วันเจ้าปราชญ์รับปริญญาค่ะ

   2:14

7.19.2553

มาเล่าเรื่องอาหารสิ้นคิดต่อดีกว่าค่ะ

สิ้นคิดอันดับหนึ่ง ก๋วยเตี๋ยวเรือบางกร่าง
ก๋วยเตี๋ยวเรือชามเล็กๆ อาหารที่คนกรุงคุ้นเคย  เมื่อก่อนเวลาเราจะกินก๋วยเตี๋ยวเรือ เราก็ต้องไปกินริมน้ำรอเรือป๊อกแป๊กพายมาขาย เดี๋ยวนี้บ้านในกรุง 90% ไม่มีน้ำไม่มีคลองให้เรือพายมาขายเเล้ว เเต่ก๋วยเตี๋ยวเรือก็ยังอยู่ เพียงเเต่เจ้าของร้านยกพลขึ้นบกมาอยู่ตามตึกเเถวทั่วไป
ขวัญไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเรือตามตึกเเถว ด้วยเหตุผลเดียวเลยคือมันร้อน เเต่ก๋วยเตี๋ยวเรือบางกร่างไม่ได้อยู่ในตึกเเถว เเต่มันเป็นเพิงเลยต่างหาก กินไปลมโกรกไป รสชาติก็เข้มข้นอร่อยใช้ได้ ที่สำคัญคือมันไม่ไกลจากบ้าน จอดรถง่าย ราคาไม่เเพง ดังนั้นก๋วยเตี๋ยวบางกร่างจึงผ่านมาตรฐานอาร์ตตัวเเม่ของขวัญกับสามี กลายเป็นอาหารสิ้นคิดอันดับหนึ่งของเรา เรียกว่าเราต้องไปกินที่ร้านทุกเสาร์หรืออาทิตย์ กินไปก็คิดไปว่าเก้าอี้ใหม่ กาน้ำใหม่ ส่วนหนึ่งเจ้าของร้านคงเเลกมาด้วยความอร่อยที่มอบให้เราสองคน
ก๋วยเตี๋ยวบางกร่างอยู่ในซอยทานสัมฤทธิ์ ถนนติวานนท์ เข้าซอยมาประมาณ 300 เมตร เห็นโรงเรียนประถม เห็นร้านเซเว่นอีเลเว่นก็จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ทางขวามือเลย ถ้าไปช่วงเที่ยงคนจะเเน่นร้านมาก ทุกคนจะรีบกินรีบไป เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่รอโต๊ะ เคยคุยกับลูกค้าคนหนึ่ง อุตส่าห์ขับรถมาจากปากเกร็ดเพื่อมากิน ทั้งๆที่เเถวนั้นก็มีร้านอร่อยมากมาย เเสดงว่าร้านสิ้นคิดอันดับหนึ่งของเราดังใช้ได้

ที่นี่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวทั้งเนื้อและหมู ก๋วยเตี๋ยวรสชาติจัดจ้าน นำ้ก๋วยเตี๋ยวข้นคลั่กเพราะใส่ทั้งซีอิ๊วดำ ทั้งเต้าหู้ยี้ บางคนยิ่งเพิ่มความเข้มข้นให้ถึงขีดสุดด้วยการเติมน้ำตก (เลือดวัวหรือเลือกหมูผสมกับเกลือ) รับประทานคู่กับเเคบหมู เติมใบโหระพาเพื่อช่วยดับกลิ่นคาว อืม...จะเอาอะไรมาเเลกก็ไม่ยอม
บางกร่างก็ครบสูตรก๋วยเตี๋ยวเรือสมัยนี้ คือต้องมีขนมถ้วยขายด้วย เเต่ขนมถ้วยที่นี่ไม่ได้รับมาจากไหน แต่นึ่งมาจากรังถึงสดๆจากหน้าร้าน อุ่นๆอยู่ในมือเพิ่มความละมุนเวลาขนมสัมผัสลิ้น ขนมหวานพอเหมาะเเละหน้ากะทิก็เข้มข้น กินก๋วยเตี๋ยวคนละสองชาม บวกขนมถ้วยอีกเจ็ดคู่ เท่านี้เราสองคนก็อิ่มหนำสำราญ เดินจูงมือกันกลับบ้านพร้อมรอยยิ้ม 

7.16.2553

อาหารสิ้นคิดที่ขวัญรัก

อารัมภบท
สมัยสาวๆ เวลาจีบกับเเฟนใหม่ๆ ขวัญจะพยายามโชว์ความเป็นเเม่บ้านเเม่เรือนด้วยการพลิกสูตรอาหารประดามีของเเม่มาทำกับข้าวที่หนุ่มที่หมายปองกิน หลายคนก็รักษามารยาท เเต่หนุ่มบางคนก็จริงใจพอที่จะบอกว่ามันช่างเเสนจะไม่อร่อย ก็ให้งอนกันไปก็มี โชคดีของขวัญที่ตอนคบกับสามี ขวัญเริ่มเเก่เเล้ว เเละเริ่มคิดได้ว่าถ้าเขาจะไม่รักเราเพราะเราทำกับข้าวห่วยเเตก เขาก็ไม่ควรเป็นคู่ผู้หญิงดีๆ(ด้านอื่นๆ)อย่างเราหรอก โชคดีเป็นสองเท่าที่สามีไม่ใส่ใจความเป็นกุลสตรีมากนัก เราทั้งคู่จึงได้คบกันจนได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา
มื่อการทำกับข้าวไม่ใช่ปัญหา เราสองคนก็ตะเวนกินข้าวนอกบ้านกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเราแต่งงานกันล่วงเข้าปีที่ 3 ปัญหาคลาสสิคก็มาเคาะประตู วันนี้จะกินอะไรดี กินในเมืองก็ขี้เกียจขับรถ บางร้านที่คนหนึ่งชอบ อีกคนก็เกี่ยงว่าร้อนบ้างล่ะ เเพงบ้างล่ะ ไม่อร่อยบ้างล่ะ จะทะเลาะกันเพราะว่าเราจะกินอะไรนี่เกิดขึ้นบ่อยจนเลิกนับ กระทั่งในที่สุดเราสองคนก็ปรองดองกันด้วยการทำ Directory อาหารสิ้นคิด (หมายถึงละเมอไปกินได้ ยังไงก็อร่อย) ฉบับเราสองคน
                 แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังค่ะ